วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

การบ้านวันที่ 17/09/2554 คลังบทความ 3 เรื่อง


เข้าไปที่ Blog http://mis-manoon.blogspot.com/ ซึ่งจะมีคลังบทความอยู่ด้านขวามือ มีด้วยกัน 3 เรื่อง โดยให้ทุกท่านอ่านบทความทั้ง 3 ซึ่งจะมีคำถามอยู่ในบทความนั้น แล้วให้เขียนตอบให้ Blog ของท่าน
1. กรณีศึกษาที่น่าสนใจเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ
คำถาม : จากข้อมูลของทั้ง 9 องค์การ ท่านสนใจองค์การใดมากที่สุด เพราะอะไร แล้วหากท่านได้รับมอบหมายในการพัฒนาระบบสารสนเทศองค์การดังกล่าว (องค์การที่ท่านสนใจมากที่สุดนั้น) ท่านคิดว่าจะพัฒนาระบบอะไรเพิ่มเติม พร้อมในเหตุผล
คำตอบ : องค์การที่ 5 ธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้า เพราะ องค์การนี้นับว่ามีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ หากมีระบบงานที่จะมาช่วยให้ องค์การนี้มีการพัฒนาก็จะเป็นการช่วยส่งเสริมให้มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น หากได้รับมอบหมายในการพัฒนานาระบบสารสนเทศองค์การธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้านี้ คิดว่าจะพัฒนาระบบวางแผนการจัดซื้อ เพราะเมื่อมีระบบการวางแผนที่ดีแล้วนั้นจึงสามารถวางแผนการจัดซื้อ วัตถุดิบ จัดการการผลิต และดำเนินการตามคำสั่งซื้อของลูกค้า ทำให้มีการรวมฝ่ายจัดซื้อของโรงงานต่าง ๆ มาอยู่ด้วยกัน ประโยชน์ที่ได้คือ ลดจำนวนพนักงาน สามารถทราบข้อมูลปริมาณวัตถุดิบในคงคลังได้ทันที เป็นต้น

2. โครงการด้านระบบสารสนเทศที่อาจจะสนองพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
คำถาม : ท่านคิดว่าจะสามารถพัฒนาหรือปรับปรุงระบบสารสนเทศเป็นอย่างแบบใดอย่างไรบ้าง พร้อมให้เหตุผลประกอบ
คำตอบ: ปรับปรุงระบบการเรียนการสอนแบบออนไลน์(e-learning) ซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาระบบนี้อยู่ แต่ควรปรับปรุงรูปแบบให้นักเรียน หรือแม้แต่บุคคลทั่วไปที่ต้องการศึกษาหาความรู้ โดย ระบบการเรียนการสอนแบบออนไลน์ในตอนนี้ สามารถให้นักเรียน เลือกหลักสูตร เลือกวิชาเรียน ศึกษาบทเรียน แทรกไฟล์ ดูผลการเรียนเป็นต้น ดังนั้นจึงควรปรับปรุงให้มีการมีการตอบโต้ หรือ สามารถให้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนั้นๆที่มีการเรียนการสอน ครูก็จะทราบความคิดเห็นของนักเรียน ได้รับความคิดเห็นที่หลากหลาย จากหลายคนๆ หลาย website ที่ถูกอ้างอิง ทำให้เด็กฝึกทักษะในการแสดงความคิด การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

3. โครงการที่ตอบสนองนโยบายรัฐบาล ด้านระบบสารสนเทศ
คำถาม : ท่านคิดว่าการพัฒนาระบบสารสนเทศดังกล่าว ควรจะต้องมีระบบ e-service, web-service, front and back office หรือไม่อย่างไร และหากมีควรจะมีอะไรบ้างพร้อมระบุเหตุผลประกอบเพื่อจะได้นำไปปฏิิบัติได้ จริง
คำตอบ : คิดว่าการพัฒนาระบบสารสนเทศดังกล่าว ควรจะต้องมีระบบ e-service, web-service, front and back office เพื่อสอดรับกับมติคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาลด้านการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม (การใช้ข้อมูลภูมิสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ) และโครงการของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และประเด็นเสนอเพื่อพิจารณา ดำเนินโครงการ ศูนย์จัดการความรู้เพื่อพัฒนาจังหวัดอุบลราชธานี และ จังหวัดมุกดาหารโดยมีลักษณะรูปแบบที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ อุตสาหกรรม การเกษตร วัฒนธรรม และด้านอื่นๆ ในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ซึ่งจากนโยบายเหล่านี้ e-service ,web-service จะช่วยให้บริการในด้านข้อมูล ให้ความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการประชาชน และสามารถเป็นศูนย์ในการพัฒนา การจัดการองค์ความรู้เป็นคลังข้อมูลของแต่ละ จังหวัดในสถาบันอุดมศึกษาทุกจังหวัด front and back office ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัย มีการใช้ฐานข้อมูลร่วมทำให้ระบบมีการที่มีประสิทธิภาพ สามารถรองรับนโยบายที่กล่าวมาได้







การบ้านวันที่ 17/09/2554 ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม


เข้าไปที่ http://m-culture.in.th/ แล้วทดลอง ลงทะเบียนใช้งาน แล้วหลังจากนั้น ให้วิจารณ์ระบบดังกล่าว โดยเขียนในลงบทความของท่าน
ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรมนี้ เป็นเว็ปไซต์ชุมชนสำหรับรวบรวมข้อมูลทางวัฒนธรรมของชาติ ประกอบด้วยข้อมูลของบุคคลหรือองค์กรทางวัฒนธรรม เช่น ปราชญ์ชาวบ้าน บุคคลสำคัญทางศาสนา เป็นต้น สิ่งประดิษฐ์ทางวัฒนธรรม รวมถึง โบราณวัตถุ หนังสือ งานศิลปะ เครื่องแต่งกาย วิถีชีวิต ภูมิปัญญา ตลอดจนสถานที่ทางวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยว ภาพถ่าย วีดิทัศน์ และภาพแอนิเมชั่นประกอบข้อความ ตลอดจนประสบการณ์และความคิดเห็นที่นำเสนอในเว็บไซต์นี้ รวบรวมและแบ่งปันโดยสมาชิก และกลั่นกรองข้อมูลอีกชั้นหนึ่งโดยวัฒนธรรมจังหวัด กระทรวงวัฒนธรรม
เว็ปไซต์ของศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรมนี้ เป็นระบบที่จัดทำขึ้นเพื่อบริการประชาชน เพื่อให้ความรู้ทางวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ มีการนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยในการเผยแพร่องค์ความรู้ทางวัฒนธรรม โดยมีเทคนิคที่ดีในการนำเสนอ คือ ให้มีระบบที่สามารถสมาชิกได้ แล้วให้สามารถ Upload ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นไฟล์รูปภาพ ไฟล์วีดีโอเป็นต้น แล้วแชร์ข้อมูลกัน ซึ่งล้วนทำให้ผู้เยี่ยมชม หรือผู้รับบริการ ให้ความสนใจมากยิ่งขึ้น เป็นระบบที่มีความสะดวกสบายในการค้นหาเพราะสามารถค้นหาได้หลากหลายวิธี เช่นค้นหาตามจังหวัด ตามหมวดหมู่เป็นต้น
ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม นับได้ว่าเป็นการระบบที่มีการรวบรวมและบันทึกองค์ความรู้วัฒนธรรม ทั้งทางด้านคุณภาพ ความครอบคลุมและความเป็นปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

Concept Font Office for Smart Office Development

         จากบทความเรื่อง "การพัฒนาเทคโนโลยี Smart Office ของกรมสรรพสามิต"  การพัฒนา ระบบFont Office ของกรมสรรพสามิต ควรมีการเชื่อมโยง National Single Window ของกรมศุลกากร เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการของหน่วยงานจัดเก็บภาษีและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการในการขอใบอนุญาตนำเข้า ขนส่ง  สุรา ยาสูบ ไพ่  ซึ่งผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอใบอนุญาตนำเข้าสุรา ยาสูบ ไพ่  ได้ที่หน่วยงานของกรมสรรพสามิตเพียงแห่งเดียว   เพื่อให้สอดคล้องกับการให้บริการในยุคโลกาภิวัฒน์ และรองรับการค้าแบบไร้เอกสาร(Paperless Trading)ระบบFont Office ของกรมสรรพสามิตควรประกอบด้วย
 ด้าน Software
  1. ระบบการออกใบอนุญาติแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Licensing) หรือการออกใบรับรองแบบอิเล็กทรอนิกส์(e-Certificate) เพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็วในการ ออกและขอใบอนุญาติ ,ใบรับรอง การจดทะเบียนสรรพสามิต เพื่อการทำงานสอดคล้องกับระบบ ศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์(e-Costoms)ของกรมศุลการกร ในส่วนนี้กรมสรรพสามิตควรมี Back Office เชื่อมโยงข้อมูลกับ ระบบลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์(Digital Signature) กับองค์กรรับรองความถูกต้อง(Certificate Authority หรือCA) เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ 
  2. ระบบการเคลื่อนย้ายสินค้าสรรพสามิตโดยใช้เทคโนโลยี RFID:Radio Frequency Identification (e-Transition) เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดตามสินค้าสรรพสามิตของผู้ประกอบการ 
  3. ระบบการคืนภาษีสรรพสามิต(e-Drawback) เป็นการให้สิทธิประโยชน์ในการคืนอากรสำหรับผู้ประกอบการ สำหรับงานขอคืน ยกเว้นภาษีสรรพสามิตและการหักลดหย่อนภาษีสรรพสามิต
  4. ระบบชำระภาษีสรรพสามิต(e-Payment)เพื่่อความสะดวกรวดเร็วในการชำระเงินให้แก่ผู้ประกอบการ
  5. ระบบคลังสินค้าทัณฑ์บน (e-Wearehousing) เพื่อจัดการและให้บริการเรื่องการจัดเก็บสินค้าสรรพสามิต
     ด้าน Hardware


             ควรเป็นการลงทุนแบบ ขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเชื่อมโยงข้อมูลโดยใช้เครื่องมือทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของหลายๆหน่วยงาน เพื่อรวมศูนย์เข้าสู่ฐานข้อมูลเดียวกัน โดยมุ่งเน้นให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว ลดขั้นตอนงานที่ซ้ำซ้อนลง ตลอดจนการบูรณาการแนวคิด และยุทธศาสตร์ ให้ตอบรับกับระบบงานระหว่างส่วนราชการด้วยกัน (Government to Government: G2G) และระบบงานระหว่างส่วนราชการกับภาคเอกชน (Government to Business: G2B) ซึ่งโดยปกติแล้ว ก็จจากการเร่งรัดะมีการรับ-ส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เชื่อมระบบกันในภาคธุรกิจต่อธุรกิจ หรือภาคเอกชนด้วย (Business to Business: B2B) 

  1. เทคโนโลยีเสมือน (Virtualization Technology)การจำลองเครื่องเสมือนให้สามารถใช้งานระบบประมวลผ หน่วยความจำ และฮาร์ดดิสก์ร่วมกันได้ในส่วนประกอบของเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจ ผ่านทางระบบจัดการทรัพยากรส่วนกลาง ทำให้มีการใช้งานทรัพยากรไอทีได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดต้นทุนได้ในระยะยาว
  2. ระบบประมวลผลก้อนเมฆ (Cloud Computing) รูปแบบของการนำทรัพยากรไอทีทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์มาแบ่งกันใช้งานในลักษณะของการให้บริการ (Service) โดยมีการใช้งานผ่านทางอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจากที่ต่างๆ ของโลก ซึ่งรูปแบบของการให้บริการแบบนี้สามารถแบ่งได้ออกเป็น 1) Private Cloud 2) Public Cloud และ 3) Hybrid Cloud ซึ่งเป็นการนำเอา Private Cloud และ Public Cloud มาทำงานร่วมกัน ซึ่งการใช้บริการนี้จะทำให้กรมสรรพสามิต สามารถลดต้นทุนไปได้มาก เพราะเป็นการใช้งานแบบจ่ายตามจริง 
  3. เทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลผ่านทางไอพี (IP Storage Technology)บนมาตรฐานไอสกัสซี (Small Computer Systems Interface over IP : iSCCI) ซึ่งเป็นการเข้าถึงอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลผ่านเครือข่าย มีจุดเด่นอยู่ที่การบริหารจัดการข้อมูลแบบรวมศูนย์ โดยการเชื่อต่อกับเซิร์ฟเวอร์ทุกตัวภายในองค์กรด้วยใยแก้วนำแสง (Fiber Channel) จึงทำให้ส่งผ่านข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถดึงข้อมูลจากจุดใดก็ได้ การบริหารข้อมูลแบบนี้ช่วยลดต้นทุนในการจัดการและบำรุงรักษาได้มากกว่าการจัดเก็บข้อมูลแบบหลายจุด หรือการจัดเก็บที่เซิร์ฟเวอร์โดยตรง
ด้าน Peopelware

  1.  ทำการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในการใช้ Software และ Hardware ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานสูงสุด
  2. จัดอบรมการวิธีดูแลรักษา Software และ Hardware เพื่อให้ระบบต่างๆเพื่อการคงสภาพการใช้งานของระบบ
        ซึ่งจะสามารถนำไปสู่การพัฒนาระบบเทคโนโลยี เพื่อนําไปสู่วิสัยทัศน์คือ องค์กรพลวัตเพื่อการจัดเก็บภาษีที่มีมาตรฐานสากล ปกป้องสังคมและสิ่งแวดล้อม 

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

CRM & Front to Back office

         Customer Relationship Management : CRM คือ การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยการใช้เทคโนโลยีและการใช้บุคลากรอย่างมีหลักการจะช่วยให้เกิดการบริการลูกค้าที่ดีขึ้น การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมในการใช้จ่ายและความต้องการของลูกค้า ทำให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือการบริการรวมไปถึง นโยบายในด้านการจัดการ
Font Office คือ ระบบจัดการที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภค
Back Office คือ ระบบจัดการภายในองค์กร
อ้างถึง บทความ "องค์กรในฝัน Font-To-Back-Office" และ โจทย์ที่ถามไว้ว่า "ระบบ CRM จะกลายเป็น Font-To-Back-Office ได้อย่างไร"


พื้นฐาน ของ Font-To-Back-Office ประกอบด้วย
  1. การบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ
  2. การบริหารจัดการต้นทุนธุรกิจที่ลดลง และการเพิ่มขึ้นของกำไรในที่สุด
  3. เพิ่มขีดความสามารถของการแข่งขันขององค์กรในระยะยาว
Font Office CRM เป็นระบบจัดการที่เกี่ยวข้อง การอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ,การขายได้อย่างรวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพตรงความต้องการของลูกค้า ,การเข้าถึงลูกค้าโดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่ไร้พรมแดน การเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการ โดยบริหารจัดการ CRM -To- Font Office ขององค์กรผ่าน Web Service ที่อยู่ ในรูปแบบ One-Stop-Service เช่น ระบบซื้อขายสินค้าออนไลน์ การคืนเงินผ่าน E-Bank การติดตามการขนส่งสินค้า ผ่านระบบ Logistics การแนะนำข้อมูลสินค้า ระบบ Costumer Service ระบบรับประกันสินค้า ระบบติดตามสินค้าในกรณีส่งซ่อม ฯลฯ ซึ่งโปรแกรมต่างๆจะอยู่ในรูปแบบของการให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จนี้้จะช่วยอำนวยความสะดวกสบาย ,ประหยัดทรัพยากรณ์ ด้านบุคคล เวลา และ สถานที่ ตลอดจนบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าได้มีประสิทธิภาพ
Back Office CRM เป็นระบบที่อยู่ในส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลและใช้ให้เกิดประโยชน์ ในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า  โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าได้อย่างมีระบบ และนำมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบสมนาคุณลูกค้า บริษัทสามารถมอบของกำนัลให้แก่ลูกค้าในวันคล้ายวันเกิดของลูกค้า โดยดึงเอาข้อมูลจากประวัติลูกค้า ระบบให้ข้อมูลตัวอย่างสินค้า โดยระบบจะให้ข้อข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวที่ตรงกับข้อมูลที่ลูกค้าสนใจ  เป็นต้น